สถานการณ์การเงินออม (วูบ)

โดยสถานการณ์โควิด-19ที่เกิดขึ้นเราได้เห็นปรากฎการต่างๆมากมายที่ได้เกิดขึ้นเราจะเห็นว่าวิถีชีวิตของคนเราก่อนหน้านี้เรื่องของเงินออมสำหรับคนรุ่นใหม่อาจจะยังไม่ค่อยคิดพึ่งจะเริ่มทำงานอาจจะอยากจับจ่ายใช้สอยแต่พอเกิดสถานการณ์โควิด-19 เราเริ่มเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงจริงๆหลายๆคนเริ่มาตระหนักคิดแล้วและเริ่มมามองแล้วว่าสถานการ์โควิด-19มันได้บอกอะไรหลายๆอย่าง

เพราะว่าหลายๆคนตกงานทันทีรู้วันนี้พรุ่งนี้ตกงานทันทีหลายๆคนยังเตรียมตัวไม่ทันแล้วพอไปดูไปเช็คกระแสเงินของตัวเองปรากฎว่าเงินที่เก็บสะสมอยู่ใช้ได้แค่เดือนชนเดือนไม่สามารถที่จะอยู่ต่อถ้าตกงานสัก3เดือนนี่ลำบากถ้าภาครัฐไม่ได้เข้ามาช่วย

ในส่วนนี้ต้องบอกเลยว่าเป็นสัญญาณเตือนครั้งยิ่งใหญ่มากเลยสำหรับสถานการณ์โควิด-19ที่เข้ามากระแทรกและทำให้หลายๆคนตระหนักถึงความสำคัญแต่ว่าบางคนเขาปรับตัวไม่ทันเพราะว่าอายุก็เยอะพอสมควรการที่จะลุกขึ้นมามันก็อาจจะยากหน่อยแต่ที่จริงแล้วมันไม่มีอะไรที่จะสายเกินแก้ทุกสิ่งทุกอย่างมันสามารถที่จะแก้ไขได้

ดังนั้นเรื่องนี้ถือได้ว่ามันเป็นปัญหาใหญ่เป็นปัญหาในเชิงโครงสร้างเป็นปัญหาระดับชาติแล้วก็จะกลายมาเป็นปัญหาสังคมตามมาจริงๆมันก็มีบทสำรวจออกมาเยอะแยะมากมายทางสถาบันป๋วยอึ๊งภากรณ์เขาทำวิจัยเขาบอกว่าคนที่เกษียณอายุมีการเข้าไปสำรวจว่าคุณจะเอาเงินมาจากที่ไหน

คำตอบที่ได้มา55%เขาจะเอามาจากบุคคลในครอบครัวเช่นลูกหลานไม่ได้เก็บเองเท่ากับไม่ได้เพื่อตัวเองหลังจากเกษียณเราจะมีเงินทุนสำหรับที่จะดูแลตัวเองได้ไปอีกกี่ปีคืออาจจะมีเงินแต่มันอาจจะไม่พอแล้วอีกประมาณ30%ยังคงต้องทำงานขนาดอายุ60-65แล้วที่เห็นๆกันเขาทำงานเพื่อเลี้ยงชีพจริงๆแต่มันมีจำนวนหนึ่งถืออว่าเป็นตัวเลขที่น่าสนใจแล้วก็น่าตกใจเลยทีเดียว

นอกจากนี้เรามาดูตัวเลขของการออมเงินครัวเรือนไทยกันว่ามันเป็นอย่างไรสะท้อนหรือบอกอะไรอย่างไรได้บ้างโดยการออมของครัวเรือนไทยมีข้อมูลครัวคิดว่าเป็นจำนวนล้านครัวเรือนมีข้อมูลดูย้อนกลับไปในปี62มีทั้งหมด22ล้านนครัวเรือปรากฎว่าสัดส่วนของการออมจะอยู่ที่72.2%

เนื่องจากนี้ในปี2561 มีการออม21.6ล้านครัวเรือนประมาณการออมอยู่ที่72.9%ถ้าย้อนไปดูในปี59กับ60สัดส่วนการออมจะอยู่ที่66.7% 71.6% ถ้าดูแบบนี้การออมของครัวเรือนไทยเรามีตัวเลขที่แต่ละปีเพิ่มขึ้นๆตรงนี้ก็ยังไปสอดคล้องกับผลการวิจัยกองทุนการเงินระหว่างประเทศด้วยว่าจริงๆแล้วประเทศไทยถือว่าทำได้ดีในระดับหนึ่งแต่ถ้าไปดูเฉพาะจำนวนเงินที่มีการออมเพิ่มขึ้นได้ในแต่ละปีอยู่ที่9,000บาท

 

สนับสนุนโดย  ทดลองเล่นสล็อต gclub

การล้อสีผิวไม่ใช่เรื่องตลก

          บนโลกใบนี้มีประชากรทั้งหมดประมาณ 7.674 พันล้านคน มีทวีปทั้งหมด 7 ทวีป มีประเทศทั้งหมด 193 ประเทศ  และไม่มีใครที่จะมีสีผิวสีเดียวกันหมดทั้งโลกหรอก ในประเทศสหรัฐอเมริกาในสมัยก่อนมีการเหยียดสีผิวกันถึงขึ้นทำให้คนผิวสีเสียชีวิตโดยไม่มีเหตุผล รวมไปถึงการกลั่นแกล้ง การกล่าวหาว่าร้าย การพูดจาที่มีแต่จะทำให้ตนผิวสีเสียความรู้สึกและเป็นบาดแผลทางจิตใจจนทำให้คนผิวสีไม่มีที่ยืนในสังคม

          การเหยียดผิวสีเริ่มมาจากในสมัยก่อนในแถบทวีปที่มีคนผิวขาวเยอะ เพราะว่าในทวีปนั้นต้นกำเนิดมีคนผิวขาวเยอะการที่มีคนผิวสีหรือว่าคนที่มีผิวสีแตกต่างไปจากคนอื่นนั้นทำให้เกิดการเหยียดผิวเกิดขึ้น การเหยียดผิวสีนั้นไม่ใช่เพียงการดูถูกคนผิวสี แต่รวมไปถึงการดูถูกชาติกำเนิด เชื้อสาย โดยฉะเพราะคนที่อาศัยอยู่ในทวีป เอเชีย คนแถบตะวันตก มักจะโดนเหยียดสีผิวโดยการถูกเรียกว่า ไอ้ดำ ไอ้มืด ไอ้แขก 

          ในประเทศไทยการเหยียดสีผิวถูกมองเป็นเรื่องปกติไปแล้ว ทำไมหล่ะ ทำไมถึงการเป็นเรื่องปกติไปได้คำตอบก็คือ เกิดจากการปลูกฝัง การได้ยิน การได้ชม การได้เห็น การอบรมสั่งสอน มาตั้งแต่เด็ก ในประเทศไทยมีค่านิยมของความสวยงาม (beauty standard) หรือมาตรฐานความสวยงาม มีมาตรฐานว่า ต้องเป็นคนขาวถึงจะสวย

ต้องเป็นคนหุ่นดีถึงจะสวยต้องมีใบหน้าที่เล็กถึงจะน่ารัก ใช่ค่านิยมนี้เกิดมาตั้งแต่สมัยโบราณแต่ทำไมคนไทยถึงยังยึดติดกับมาตรฐานความสวยที่ตัวเองเป็นคนคิดขึ้นมาได้กัน และด้วยเหตุที่ว่าใครขาวคนนั้นจะสวยจะดูดี ก็ทำให้ในประเทศมีการเหยียดสีผิวกันจนเป็นเรื่องปกติ เช่นการเรียกคนต่างชาติที่มีผิวคล้ำว่า ไอ้ดำ การเรียกคนไทยด้วยกันที่มีผิวคล้ำกว่าตนกว่า ไอ้ดำ ไอ้มืด การที่เด็กถูกผู้ใหญ่เรียกว่า อีดำ ไอ้ดำ เป็นต้น การพูดจาเหยียดสีผิวแบบนี้มีการใช้กันมากมายจนทำให้เป็นเรื่องปกติ ทั้งทั้งที่ไม่ใช่เลยสักนิด

การที่คนที่มีผิวที่แตกต่างจากคนอื่นนั้นนับว่าเป้นเสน่ห์ด้วยซ้ำไปต่ำทำไมคนไทยเราจึงเอาค่านิยมแบบนั้นมาใช้ได้โดยไม่แคร์ความรู้สึกของผู้ที่โดนเหยียดกันหล่ะ มันทำให้คนที่โดนเหยียดมีความรู้สึกว่าตัวเองแปลกแยก ไม่เหมือนใครหรืออาจจะทำให้คนๆนั้นไม่มีแม้แต่ความมั่นใจในกการจะทำอะไร สามารถทำให้คนๆนึงกลายเป็นโรคซึมเศร้าได้เหมือนกัน ดังนั้นหยุดเถอะค่านิยมผิดๆเพราะว่า black lives matter ชีวิตของคนผิวสี และทุกคนมีค่าเท่าเทียมกัน

 

สนับสนุนโดย    Ufabet เข้าสู่ระบบ

การทำการเข้าสังคมอย่างง่ายๆ

การที่เราได้มีการใช้ชีวิตประจำวันต่างๆนั้น เราก็จะมีการที่ต้องเข้าสังคม เพื่อที่จะทำให้เราได้มีการพัฒนาในเรื่องของการงานอีกด้วย ซึ่งการที่เราจะเข้าสังคมจะเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก เพราะในการที่เราได้มีสังคมที่มากโอกาสในการทำสิ่งต่างๆจะมีเพิ่มมากขึ้น และจะสามารถจะทำให้เราได้มีความรู้ในเรื่องต่างเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย

และในการที่เราจะมีการเข้าสังคมต่างๆนั้น เราก็จะมีความจำเป็นที่จะต้องใช้ทักษะในการเข้าสังคม เพื่อที่จะทำให้เราสามารถที่จะเข้ากับผู้คนต่างๆได้ง่ายอีกด้วย ซึ่งในทักษะที่เราควรที่จะมีในการเข้าสังคมนั้น จะมีดังนี้

ซึ่งทักษะในการที่เราจะทำให้เราสามารถทำการเข้าสังคมได้นั้นก็จะเป็นการที่เรา ต้องมีการพูด การสื่อสารที่ดีในการพูดคุยกับผู้อื่น และทำให้เขาประทับใจซึ่งเราก็จะมีการที่สามารถพูดคุยได้อย่างดี และทักษะในการเข้าสังคมของในแต่ล่ะคนนั้น จะมีความแตกต่างกันไปในแต่ล่ะคนอีกด้วย ซึ่งจะมีวัฒนธรรม และความเชื่อที่มีความแตกต่างกันอีกด้วย

และจะมีการที่ได้แสดงออกทางคำพูดคุยกันได้เป็นอย่างดี และในการที่เราอยากที่จะมีการปรับตัว เพื่อที่จะทำให้เราสามารถทำการเข้าสังคมได้อย่างง่าย จะต้องมีการวางตัวที่ได้มีความเหมาะสมในการที่จะเข้าสังคม และจะมีการที่พัฒนาให้มีความเข้ากับสังคมที่ได้มีการอยู่อีกด้วย และการที่เราจะมีการพัฒนาด้านการเข้าสังคมนั้นจะมีวิธีที่สามารถทำให้เราได้มีการเข้าสังคมได้อย่างง่ายดังนี้

  1. สภาวะจิตใจ

จะเป็นการที่สามารถมีการส่งผลได้อย่างมากในการเข้าสังคม ซึ่งการที่เราจะเข้าสังคมได้นั้น เราก็จะมีความมั่นใจให้ตนเองนั้นมากๆ เพื่อที่จะให้เราได้มีความกล้าที่จะมีการแสดงออกในการเข้าสังคม ซึ่งจะสามารถที่จะทำให้เราสามารถที่จะเข้าสังคมได้อย่างง่ายอีกด้วย

  1. ปัจจัยอื่นๆในการเข้าร่วม

การที่เราจะมีการพัฒนาในการเข้าสังคมให้เราได้มีการเข้าสังคมที่ง่ายนั้น เราจะต้องมีความจำเป็นที่จะเข้าสังคมต่างๆนั้นบ่อยๆ ซึ่งในการที่เราได้ไปงานต่างๆนั้น เราจะสามารถที่จะมีการฝึกในการเข้าสังนั้นได้เป็นอย่างดี และจะสามารถที่จะมีเพื่อนที่เพิ่มากขึ้นจากเดิม และจะสามารถที่เพิ่มความเป็นธรรมชาติในการเข้าสังคมได้อีกด้วยได้อีกด้วย

 

 

สนับสนุนโดย    บาคาร่า sa gaming