ดราม่าหน้ากากอนามัยตั้งแต่ยังไม่เปิดเทอม 

ยังไม่ทันเปิดเทอมก็มีดราม่าซะแล้วกับสถาบันการเรียนการสอนของโรงเรียนต่างๆที่เกิดขึ้นในตอนนี้เนื่องจากว่ามีการแชร์ข้อมูลจากโรงเรียนแห่งหนึ่งลงในโลกออนไลน์ซึ่งระบุว่ามีการกำหนดการใช้หน้ากากอนามัยของเด็กนักเรียนโดยเจาะจงว่าเด็กผู้ชายนั้นจะต้องใส่หน้ากากอนามัยสีเข้มเท่านั้นส่วนเด็กผู้หญิงนั้นก็ต้องใส่หน้ากากอนามัยสีอ่อนเท่านั้นโดยระบุว่าการสวมใส่หน้ากากอนามัยนั้น

จะต้องไม่มีลวดลายต่างๆเพื่อให้เหมาะสมกับการเป็นนักเรียนและให้เข้ากับเครื่องแบบนักเรียนนั้นเอง ปัจจุบันนี้ประเทศไทยยังคงมีปัญหาเรื่องของการระบาดของไวรัสโคโรน่าอยู่ถึงแม้ว่าในแต่ละวันนั้นจำนวนผู้ติดเชื้อจะไม่มากเท่าที่ควรซึ่งบางวันก็ไม่มีผู้ติดเชื้อเลยก็มีแต่เรายังไม่สามารถไว้วางใจได้

ดังนั้นทุกคนจึงจำเป็นต้องมีการสวมใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้งก่อนที่จะออกจากบ้านเพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัสโคโรน่านั่นเองแต่อย่างไรก็ดีสำหรับในเรื่องของการที่จะเปิดเทอมที่กำลังจะใกล้เข้ามาในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้กลับมีกระแสดราม่าออกมาจากโรงเรียนซึ่งมีการถ่ายภาพเกี่ยวกับข้อความที่ทางโรงเรียนได้มีการเขียนแปะไว้ถึงกฎระเบียบข้อบังคับเรื่องของการสวมใส่หน้ากากอนามัย

สำหรับเด็กนักเรียนว่าจะต้องมีการให้เด็กนักเรียนได้สวมใส่หน้ากากอนามัยสีอะไรซึ่งหลายคนมองว่านี่เป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพของเด็กนักเรียนมากจนเกินไปเลยมองว่าหากจะจำกัดให้นักเรียนนั้นใส่หน้ากากอนามัยที่ไม่มีลวดลายยังพอกำหนดไม่ได้แต่การที่จะต้องมาทำกับว่าเด็กผู้ชายต้องใส่สีเข้มเด็กผู้หญิงต้องใส่สีอ่อนนั้นดูมันจะเป็นการกำหนดกฎเกณฑ์มากจนเกินไป

เพราะผู้ชายบางคนก็อาจจะชอบสีอ่อนได้หรือผู้หญิงบางคนก็อาจจะชอบสีเข้มได้ก็เช่นเดียวกันดังนั้นทางที่ดีแล้วเพียงแค่นักเรียนสมใส่หน้ากากอนามัยก็น่าจะเพียงพอกับความต้องการของทางโรงเรียนแล้วไม่ควรจะต้องมานั่งบังคับกะเกณฑ์กันเพราะการซื้อหน้ากากอนามัยนั้นบางครั้งมันก็ไม่สามารถที่จะหาได้ง่ายๆว่าจะต้องซื้อสีไหนเป็นสีไหน

หลายคนได้ออกมาพูดถึงเรื่องนี้ว่าสำหรับเด็กนั้นทำไมถึงจะต้องมีการถูกกดขี่จากทางโรงเรียนมากมายโดยเฉพาะแค่เรื่องเล็กๆน้อยๆๆตัวอย่างการสวมใส่หน้ากากอนามัยก็ยังต้องมีการกักเองกันด้วยว่าใครจะต้องใส่สีอะไรซึ่งเรื่องแค่นี้เด็กๆน่าจะมีสิทธิ์ในการที่จะเลือกของตนเองได้แล้วอย่างไรก็ตามสำหรับเรื่องของข้อมูลหน้ากากอนามัยที่มีการกำหนดที่เอามาแชร์กัน

ในวันนี้ยังไม่ได้มีการออกมาพูดถึงว่าเป็นของโรงเรียนหรือสถาบันไหนหรือเป็นการประกาศออกมาจากรัฐบาลที่เด็กนักเรียนทุกโรงเรียนจะต้องมีการสวมใส่หน้ากากอนามัยสีในลักษณะนี้ดังนั้นอาจจะต้องรอดูอีกทีนึงว่าสำหรับเรื่องราวเกี่ยวกับเรื่องของกฎระเบียบข้อบังคับหน้ากากอนามัยนั้นทางรัฐบาลจะมีการออกมาประกาศว่าอย่างไรบ้าง

 

ได้รับการสนับสนุนโดย.  เซ็กซี่ บาคาร่า ทดลองเล่น

เรียนอย่างไรให้ได้ผลการเรียนที่ดี

           เด็กๆหลายคนคงอยากรู้ว่าเพื่อนที่เขาได้ผลการเรียนดีๆนั้นเขาเรียนกันอย่างไรทั้งๆที่เวลาเรียนคุณครูก็สอนเหมือนกันแต่ทำไมเวลาสอบออกมาเราถึงได้คะแนนน้อยแล้วเพื่อนเห็นได้คะแนนเยอะเรามาดูกันว่าวิธีการจดจำข้อมูลเวลาที่คุณครูสอนนั้นเราควรจะทำอย่างไรได้บ้างที่เราจะสามารถจำบทเรียนเหล่านั้นได้ง่ายๆและนำมาใช้ในการทำข้อสอบได้

          อันดับแรกเลยต้องเริ่มจากตัวเราเวลาที่อยู่ในห้องเรียนนั้นเราควรจะต้องมีการสนใจที่จะฟังสิ่งที่อาจารย์หรือคุณครูผู้สอนต้องการสื่อให้เราทราบบางคนเวลาที่คุณครูสอนอยู่ในขนาดนั้นก้มหน้าก้มตาจดตามข้อมูลที่ขึ้นที่หน้ากระดานโดยอาจจะไม่ได้สนใจฟังคุณครูมากนักซึ่งเป็นวิธีการที่ไม่ถูกต้องเพราะจริงๆแล้วเราสามารถที่จะตั้งใจฟังคุณครูผู้สอนให้เข้าใจความหมายที่คุณต้องการที่จะส่งถึงให้กับเราก่อนเมื่อเราเข้าใจดีแล้ว

เราจึงสามารถทำการจดเลคเชอร์ลงไปได้ถึงจะได้ข้อมูลที่ถูกต้องที่สุดเพราะถ้าเราสนใจที่จะจดข้อมูลบนหน้ากระดานอย่างเดียวโดยไม่ฟังคุณครูเลยก็เหมือนกับเราจดหนังจากหนังสือแล้วเราก็ต้องไปอ่านทำความเข้าใจเองเชื่อเถอะว่าถ้าหากเราอ่านหนังสือเองเราจะไม่ค่อยเข้าใจเหมือนกับที่ครูอธิบายที่หน้าห้องเรียนแน่นอนดังนั้นจำเป็นต้องฟังครูอธิบายก่อนที่จะจดช็อตโน๊ตลงไปจะดีที่สุดหลังจากที่สั่งแล้วเราควรจะมีการจับประเด็นที่คุณครูพูดถึงให้เข้าใจได้ว่าประโยคยาวๆที่ครูพูดอธิบายมานั้นเราสามารถย่อเป็นข้อความสั้นๆแล้ว

เราเข้าใจได้อย่างชัดแจ้งได้อย่างไรนั่นคือการวิเคราะห์ข้อมูลซึ่งเป็นหัวใจสำคัญอย่างยิ่งของการเรียนหนังสือนั้นเองเมื่อเรารู้ข้อมูลแล้วเราก็สามารถจดเลคเชอร์ลงในหนังสือของเราได้หรือในสมุดของเราได้เพื่อที่ไปหลังเรากลับมาอ่านเราจะได้เข้าใจและจำได้ง่ายๆยกตัวอย่างของการเรียนนั่นก็คือเช่นกรณีที่เราดูโฆษณาตัวนึงผ่านทางทีวีหากเราตั้งใจดูว่าโฆษณานี้สื่อถึงอะไรเราจะสามารถประมวลผลได้เอง

ว่าโฆษณานี้คือโฆษณาของอะไรและนั่นคือคำตอบที่ถูกต้องที่เราควรจะตั้งใจฟังคุณครูที่สอนเพื่อที่เราจะได้เข้าใจบทเรียนนั้นให้มากที่สุดและเมื่อเสร็จจากการเรียนการสอนหมดคาบเรียนในวิชานั้นแล้วเราก็มาทำการเขียนลงในสมุดบันทึกของเราถึงบทสรุปในวิชาที่คุณครูสอนไปว่าวันนี้ครูสอนเกี่ยวกับเรื่องอะไรบ้างเพื่อที่เราจะได้นำมาทบทวนได้

โดยที่เราไม่จำเป็นต้องไปอ่านหนังสือวิชานั้นทั้งเล่มเพราะในหนังสือนั้นเนื้อหาก็จะมีส่วนหนึ่งแต่คำอธิบายก็จะมีค่อนข้างเยอะซึ่งเวลาที่เราต้องมานั่งอ่านหนังสือสอบมันจะไม่สามารถอ่านได้ทั้งหมดในเวลาอันรวดเร็วได้ดังนั้นเราจึงควรทำสรุปการเรียนการสอนในทุกๆที่เราเรียนมาเพื่อที่ภายหลังเราจะได้เอามาทบทวนได้

โดยไม่ต้องไปอ่านหนังสือโดยใช้เวลานานมากจนเกินไปเพียงแค่เราทำการเรียนแบบตั้งใจฟังและนำข้อมูลที่เราฟังมานั้นมาทำเป็น เอาไว้อ่านภายหลังเท่านี้เองผลการเรียนของเราต้องดีขึ้นจากเดิมขึ้นมาแน่นอน

 

 

สนับสนุนโดย.  เว็บพนันออนไลน์ ฝากขั้นต่ำ 50

หลายคนสงสัยเหตุใดห้างสรรพสินค้าเปิดได้แล้วแต่โรงเรียนยังต้องปิดอยู่

     เกิดคำถามที่หลายคนอาจจะมีความสงสัยอยู่ว่าถ้าสถานการณ์ของการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าในปัจจุบันนั้นดีขึ้นสามารถควบคุมเชื้อโรคได้แล้วถึงขณะที่ตอนนี้ประเทศไทยเราเองนั้นสามารถที่จะเปิดห้างสรรพสินค้าให้ผู้คนเข้าไปจับจ่ายซื้อสินค้ากันได้แล้วแล้วทำไมโรงเรียนถึงยังต้องปิดอยู่อีกผู้ปกครองหลายคนอยากที่จะให้โรงเรียนเปิดเพื่อที่จะได้ให้ลูกหลานไปโรงเรียนเนื่องจากว่าปัจจุบันนี้เมื่อเด็กต้องอยู่ที่บ้าน

ผู้ที่รับผิดชอบดูแลลูกๆก็คือผู้ปกครองซึ่งหลายคนต้องทำงานไปด้วยเลี้ยงลูกไปด้วยซึ่งเป็นความยากลำบากในช่วงเวลานี้เป็นอย่างมากเกี่ยวกับเรื่องของคำถามนี้ทางนายแพทย์ทวีศิลป์ก็ได้มีการออกมาพูดถึงเกี่ยวกับเรื่องของการให้เปิดห้างแต่ยังคงมีการปิดโรงเรียนอยู่นั้นเนื่องจากว่าการเปิดทางนั้นต้องการที่จะให้ผู้คนได้มีโอกาสไปจับจ่ายซื้อของที่มีความจำเป็นต้องใช้

ซึ่งบางครั้งสินค้าในการซื้อนั้นไม่ใช่สินค้าเพื่ออาหารการกินอย่างเดียวบางคนตอนนี้อยู่บ้านนางอ้วนมากขึ้นจำเป็นต้องมีการซื้อเสื้อผ้าที่ไซส์ใหญ่ขึ้นหรือแม้แต่บางคนที่ต้องการซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆดังนั้นบางครั้งการซื้อของออนไลน์สินค้าบางชนิดก็ไม่เหมาะสมอย่างเช่นเสื้อผ้านั้นหากเราซื้อสินค้าผ่านทางออนไลน์แล้วอาจจะได้สินค้ามาไม่พอดีกับไซส์ของเราก็ได้

ดังนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องมีการเปิดให้ประชาชนได้มีการใช้ชีวิตได้ตามปกติแล้วแต่ในขณะเดียวกันสำหรับเรื่องของโรงเรียนที่ยังไม่เปิดนั้นเนื่องจากว่าเราทราบกันดีอยู่แล้วว่าโรงเรียนนั้นเป็นแหล่งที่มีเด็กนักเรียนเยอะและเด็กนักเรียนก็มักจะไม่ค่อยอยู่นิ่งมักจะชอบวิ่งเล่นและสัมผัสกันซึ่งเป็นนิสัยของเด็กอยู่แล้วดังนั้นจึงเป็นความเสี่ยงมากค่ะ

จะปล่อยให้เด็กนักเรียนไปโรงเรียนในช่วงเวลานี้ที่สำคัญช่วงนี้เป็นช่วงระหว่างรอยต่อของการผลิตของอากาศจากอากาศร้อนเข้าสู่หน้าฝนดังนั้นช่วงนี้จึงมีปัญหาในเรื่องของเชื้อโรคเยอะขึ้นเช่นเรื่องของโรคไข้หวัดหรือแม้แต่ไข้หวัดใจและถ้าหากเด็กมีการติดโรคไข้หวัดหรือไข้หวัดใหญ่แล้วไปเจอกับโรคไข้ไวรัสโคโรน่าอีกนิดนึงจะทำให้อาการของเด็กเงินสดลงและรักษาได้ยาก

ซึ่งถ้าหากเด็กติดไข้ไวรัสโคโรน่าจากเพื่อนๆที่โรงเรียนก็จะนำโลกนี้ไปติดกับผู้ปกครองที่อยู่ที่บ้านทำให้การระบาดกลับมาอย่างรวดเร็วและอาจจะทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นก็ได้เชื่อได้เลยว่าการที่โรงเรียนออกมาดูแลเด็กนักเรียนนั้นไม่สามารถดูแลได้อย่างทั่วถึงแน่นอนเพราะหากเป็นช่วงเวลาที่เด็กนักเรียนไม่ได้อยู่ห้องเรียนแล้วแล้ว

ก็เราไม่สามารถควบคุมเด็กนักเรียนได้ว่าจะไม่ให้เล่นแล้วสัมผัสเพื่อนๆดังนั้นสิ่งที่ดีที่สุดในตอนนี้ก็คือต้องมีความมั่นใจเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์เสียก่อนจึงจะสามารถปล่อยให้เด็กนักเรียนไปโรงเรียนได้ตามปกติ

 

 

สนับสนุนโดย    sagame

โรงเรียนกวดวิชา เปิดสอนพิเศษได้แล้ว

           เมื่อวันที 12 เดือนมิถุนายน ปี พ.ศ. 2563 ทางด้าน สบค. ได้มีการประกาศออกมาว่า ตั้งแต่วันที่  15 เดือนมิถุนายน ปี พ.ศ. 2563 เป็นต้นไป กลุ่มโรงเรียนกวดวิชาและสถาบันการศึกษาต่างๆรวมถึงโรงเรียนนานาชาติจะสามารถเปิดการเรียนการสอนได้และยังรวมถึงโรงเรียนขนาดเล็กที่อยู่ต่างจังหวัดที่มีจำนวนนักเรียนไม่เกิน 120 คนนั้นก็สามารถเปิดเทอมให้เด็กนักเรียนได้แล้วเช่นเดียวกัน

ซึ่งแน่นอนว่าเราต้องเคยเห็นสถานที่ต่างๆเหล่านี้ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนหรือสถาบันกวดวิชาต่างๆว่าเวลาที่เด็กนักเรียนเข้าไปเรียนนั้นเด็กๆจะต้องนั่งรวมกันอยู่ในห้องซึ่งค่อนข้างหนาแน่นในจำนวนของเด็กนักเรียนดังนั้นไม่ว่าจะเป็นทางด้านคุณหมอหรือแม้แต่ทางผู้ปกครองเองต่างก็มีความห่วงกันว่าหากสถาบันกวดวิชาต่างๆเปิดให้บริการ

หรือโรงเรียนขนาดเล็กเปิดให้บริการนั้นเป็นการเสี่ยงต่อตัวเด็กหรือไม่ว่าอาจจะถูกเชื้อไวรัสโคโรนาเล่นงานช่วงที่ไปโรงเรียนนี้ได้เนื่องจากว่าสถานที่ต่างๆเหล่านั้นจะมีการถูกจำกัดขอบเขตของการให้บริการเนื่องจากว่าโรงเรียนหรือสถาบันกวดวิชาต่างๆนั้นมักจะมีพื้นที่อยู่ในห้างสรรพสินค้าซึ่งแน่นอนว่าพื้นที่การเช่าของห้างนั้นจะไม่ได้ใหญ่โตมากนัก

ดังนั้นหากเด็กๆต้องมีการไปเรียนพิเศษก็จะต้องมีการไปนั่งเรียนรวมกันอยู่เป็นจำนวนมากในห้องห้องหนึ่งซึ่งแน่นอนว่าทางโรงเรียนอาจจะมีการจับเด็กนักเรียนนั้นให้นั่งห่างกันได้แต่เชื่อเถอะว่าเมื่อมีการพักเบรคแล้วเด็กๆก็ต้องกลับมาเล่นกันเนื้อต้องตัวกันและตรงนี้เองที่จะเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เด็กนั้นเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสโคโรนาได้เพราะเด็กๆนั้นคงไม่มีใครคอยมานั่งระวังตัวเองอยู่ตลอดเวลาและถึงแม้ว่าพวกเขาจะรู้ว่าสถานการณ์ของประเทศไทยตอนนี้มีเชื้อโรคที่สามารถติดกันได้ง่ายเพียงแค่สัมผัสเนื้อตัวกันแต่เมื่อเด็กเจอเพื่อนๆอะไรก็เกิดขึ้นได้

เพราะพวกเขาก็จะลืมเรื่องราวเหล่านั้นไปและหันมาสนใจเรื่องของการเล่นกันยิ่งเด็กนักเรียนปิดเทอมมาเป็นระยะเวลาหลายเดือนแต่ไม่เคยได้เจอหน้าเพื่อนเลยพอมาต้องมาเรียนสถานที่ให้เรียนพิเศษซึ่งมีเพื่อนที่เคยเล่นด้วยกันมานานได้มาเจอหน้ากันอีกครั้งหนึ่งแน่นอนว่าพวกเขานั้นต้องมีการเล่นด้วยกันและถูกเนื้อต้องตัวกันอย่างแน่นอน

และนี่เองที่จะทำให้เราไม่สามารถควบคุมการระบาดของเชื้อไวรัสที่อาจจะเกิดขึ้นกับเด็กได้  ปัญหานี้ไม่ใช่ปัญหาไกลตัวเพราะอีกไม่กี่วันสถาบันกวดวิชาต่างๆก็จะเปิดให้บริการแล้วซึ่งถ้าเด็กนักเรียนนั้นเป็นเด็กมัธยมว่าเขาจะพอรู้เรื่องที่จะสามารถระมัดระวังตนเองได้

แต่ถ้าเป็นสถาบันกวดวิชาสำหรับเด็กเล็กก็อาจจะมีความเสี่ยงอยู่มากดังนั้นผู้ปกครองควรจะพิจารณาเกี่ยวกับเรื่องของการส่งลูกเรียนกวดวิชาในช่วงเวลานี้ก่อนหากยังเห็นว่ามีความเสี่ยงมากจนเกินไปก็ควรจะหยุดพักเป็นการชั่วคราวก่อนและเมื่อสถานการณ์ดีขึ้นค่อยมีการส่งลูกเรียนกวดวิชาก็ยังไม่สายจนเกินไป

 

 

สนับสนุนโดย  เปิดบัญชีคาสิโนขั้นต่ำ100

Family man คืออะไร

Family man หรือ ผู้ชายที่รักครอบครัว ให้ความสำคัญกับครอบครัวเป็นที่หนึ่ง ทำทุกอย่างได้เพื่อครอบครัว 

แค่นี้ก็พอจะจินตนาการได้แล้วว่าผู้หญิงทุกคนคงต้องใฝ่หาผู้ชายแบบนี้กันอยู่แน่ๆ ผู้ชายที่จะรักและเทิดทูนครอบครัว อุทิศเวลาให้แก่ครอบครัว รักครอบครัว ทุ่มเททำทุกอย่างได้เพื่อครอบครัว เป็นผู้ชายในฝันของสาวๆหลายๆคนเลย 

แล้วผู้ชายแบบไหนที่จะเรียกได้ว่าเป็น Family man บ้างล่ะ

1.ผู้ชายที่ให้ความสำคัญกับครอบครัว

ไม่ว่างานจะหนักหนาเยอะแค่ไหน ผู้ชายประเภทนี้เขาก็จะจัดสรร แบ่งเวลาให้กับครอบครัวได้เสมอ อย่างเช่น หากเขาต้องทำงาน 6 วันต่อสัปดาห์ เขาก็จะสามารถเหลือเวลาอีก 1 วันเพื่อใช้กับครอบครัว หรือต่อให้เขาต้องไปทำงานต่างถิ่น เขาก็จะหาเวลากลับมาหาครอบครัว หรือคอยติดต่อครอบครัวตลอด ไม่ว่าจะโทรศัพท์ แชทข้อความ หรือวิดีโอคอล

2.ผู้ชายที่ทำทุกอย่างเพื่อครอบครัว

ผู้ชายที่ทำทุกอย่างได้เพื่อครอบครัวนั้นสังเกตได้จากการที่เขาใช้ครอบครัวเป็นแรงผลักดันในการทำงาน อย่างเช่น การขยันทำงานให้มีเงินเดือนเยอะๆ เพื่อที่จะเกื้อหนุนครอบครัว ให้ครอบครัวอยู่อย่างสุขสบาย เพื่อที่เขาจะสามารถเลี้ยงดูทุกคนในครอบครัวได้ เป็นต้น การทำทุกอย่างเพื่อครอบครัวนั้นเป็นเรื่องดี แต่ถ้ามากเกินไปก็อาจจะเป็นปัญหาได้ ดังนั้นควรเป็นการทำทุกอย่างเพื่อครอบครัวอย่างพอดีๆ ไม่มากจนเกินไปที่เรียกว่าเป็นการสร้างภาระให้กับตัวเองได้

3.ผู้ชายที่ทำอะไรก็นึกถึงครอบครัว

ไม่ว่าสิ่งใดที่เขาจะทำ เขาจะนึกถึงครอบครัวอยู่เสมอ หากเขาจะทำสิ่งดีเขาก็จะนึกถึงครอบครัวว่าครอบครัวจะได้อะไรจากการที่เขาทำสิ่งนั้น แต่หากเขาจะทำสิ่งไม่ดี เขาก็จะนึกถึงครอบครัวว่าผลจากการกระทที่เขาได้ทำลงไป ครอบครัวของเขาจะได้รับผลกระทบอะไรตามมาบ้าง ดังนั้นเขาจึงจะพยายามคิดจะทำแต่สิ่งๆดีที่เป็นประโยชน์ต่อครอบครัวเพื่อให้ครอบครัวมีความสุข 

4.ผู้ชายที่ภูมิใจในครอบครัวของเขาอยู่เสมอ

ต่อให้ในโลกนี้จะมีครอบครัวที่ดีกว่านี้ แต่เขาก็มักจะภูมิใจในครอบครัวของเขา และเขาจะรู้สึกโชคดีอยู่เสมอที่มีทุกคนในครอบครัวอย่างทุกวันนี้ เขาจะไม่มองหาสิ่งที่ดีกว่า และโฟกัสแค่ครอบครัวของเขาว่าดีที่สุดแล้ว อาจจะไม่ได้ดีเท่ากับครอบครัวไหน แต่สำหรับเขา เขาจะมองว่าครอบครัวที่เขาเลือกคือสิ่งที่เขาภูมิใจและมีความสุขที่สุด

5.ผู้ชายที่รับผิดชอบ

การรับผิดชอบในที่นี้ไม่ใช่แค่ในเรื่องเงินทองค่าใช้จ่ายภายในครอบครัว แต่หมายถึงความรับผิดชอบในการดูแล เลี้ยงดูคนในครอบครัว รวมไปถึงรับผิดชอบในความผิดของตนเอง เราต้องยอมรับเลยว่าทุกคนทำผิดพลาดได้เสมอ แต่จะมีเพียงไม่กี่คนที่กล้ายอมรับ และรับผิดชอบในความผิดของตนเอง ดังนั้นถ้าผู้ชายคนไหนที่กล้ายอมรับผิด และรับผิดชอบในความผิดของตนเองได้ เขาย่อมเป็นผู้ชายที่มีความรับผิดชอบดีเลยทีเดียว

นี่ก็เป็นเพียงตัวอย่าง Family man คร่าวๆว่าส่วนใหญ่มักจะเป็นคนแบบไหน แม้นิสัยของผู้ชายแต่ละคนจะมีความแตกต่างกันไปตามการเลี้ยงดู ตามสภาพแวดล้อมและสังคม เชื่อว่าผู้ชายหลายๆคนก็มีความเป็น Family man อยู่ในตัวเอง เมื่อเขามีครอบครัวแล้ว เลือกแล้วว่าจะสร้างครอบครัว เขาก็ย่อมมีความรับผิดชอบ มีความพยายามที่จะทำให้ครอบครัวมีความสุข สามารถทำทุกอย่างเพื่อครอบครัวได้ แต่ไม่ได้แปลว่าทุกสิ่งที่กล่าวนี้จะต้องเป็นหน้าที่และความรับผิดชอบของผู้ชายเพียงคนเดียว การจะสร้างครอบครัวให้ดีได้ต้องมาจากทุกคนในครอบครัว ดังนั้นทุกคนในครอบครัวควรพยายามเช่นเดียวกับที่ผู้ชายผู้เป็น Family man ที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อครอบครัวด้วย 

 

สนับสนุนโดย    บาคาร่าออนไลน์ คืออะไร