วงการเคป๊อปกลายเป็นปรากฏการณ์ระดับโลกได้อย่างไร

สิ่งเหล่านี้ถูกเรียกว่าฮัลยูกระแสเกาหลีความคิดที่ว่าวัฒนธรรมป๊อปของเกาหลีใต้เติบโตขึ้นมาจนกลายเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของวัฒนธรรมโลก

เห็นได้จากทุกเรื่องตั้งแต่ละครเกาหลีบน Netflix ไปจนถึงระบบการดูแลผิวพรรณของเกาหลีที่ครองอุตสาหกรรมเครื่องสำอางไปจนถึงทาโก้เกาหลีแสนอร่อย เมนูท้องถิ่นที่คุณชื่นชอบ และหัวใจของฮันรยูก็คือความนิยมที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ของเคป๊อป ซึ่งแน่นอนว่าสั้นสำหรับเพลงป๊อปเกาหลี เคป๊อปได้กลายเป็นปรากฏการณ์ระดับโลกอย่างแท้จริงด้วยการผสมผสานที่โดดเด่นของท่วงทำนองที่น่าดึงดูด

การออกแบบท่าเต้นที่ลื่นไหลและคุณค่าการผลิต และขบวนพาเหรดที่ไม่มีที่สิ้นสุดของนักแสดงชาวเกาหลีใต้ที่น่าดึงดูดซึ่งใช้เวลาหลายปีในระบบสตูดิโอที่ทรหดในการเรียนรู้การร้ฮันรยูได้สร้างขึ้นมาเป็นเวลาสองทศวรรษแล้ว แต่โดยเฉพาะอย่างยิ่งเคป๊อปได้กลายเป็นที่ประจักษ์แก่ผู้ชมทั่วโลกมากขึ้นในช่วงห้าถึง 10 ปีที่ผ่านมา

ศิลปินชาวเกาหลีใต้สามารถขึ้นชาร์ต Billboard Hot 100 ได้อย่างน้อยแปดครั้งนับตั้งแต่วันเดอร์เกิลส์ทำลายมันเป็นครั้งแรกในปี 2009 ด้วยเพลงครอสโอเวอร์ “Nobody” ของพวกเขาที่ปล่อยออกมาในสี่ภาษาที่แตกต่างกัน รวมถึงภาษาอังกฤษ และการส่งออกของ K-pop ได้พุ่งขึ้นไปยังเกาหลีใต้ อุตสาหกรรมเพลงของเกาหลีมีมูลค่าถึง 5 พันล้านดอลลาร์

เกาหลีใต้เป็นเจ้าภาพการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวปี 2018 ที่พยองชาง ในช่วงเวลาที่มีความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก เคป๊อปจึงได้รับความสำคัญทางสังคมการเมืองรูปแบบใหม่ เนื่องจากเกาหลีใต้แสดงการส่งออกที่เป็นที่รู้จักดีที่สุดในโลกอย่างภาคภูมิใจองและเต้นด้วยความสมบูรณ์แบบที่ประสานกันอย่างลงตัว

พิธีเปิดและปิดโอลิมปิกฤดูหนาวบอกอะไรเราเกี่ยวกับเคป๊อป ระหว่างพิธีเปิดโอลิมปิกเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2561

นักกีฬาเดินขบวนในขบวนพาเหรดแห่งชาติเพื่อคลอเคล้ากับกลุ่มเพลงฮิตเคป็อปที่คัดเลือกมาซึ่งแต่ละวงกำลังเล่นอยู่ในภาพที่เกาหลีใต้ต้องการนำเสนอในขณะนี้ หนึ่งในประเทศที่ ส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมโลกแบบบูรพลง Parade of Nations ทั้งหมดมีความเกี่ยวข้องในระดับสากลและทางดิจิทัล และแต่ละเพลงก็โฆษณาความคล่องแคล่วของ K-pop ข้ามวัฒนธรรม เพลง Likey ของ Twice เป็นเพลงฮิตของวงเมื่อเร็ว ๆ นี้ และเพิ่งทำให้ยอดวิวบน YouTube ถึง 100 ล้านครั้งเร็วกว่าเพลงอื่นๆของเกิร์ลกรุ๊ป

วีดีโอดังกล่าวแสดงให้เห็นอย่างเด่นชัดว่าสาวๆ ได้ไปทัศนศึกษาที่แวนคูเวอร์และทำการตลาดโดยคิดว่าพวกเธออยู่ที่บ้านทั่วโลก เพลง Fantastic Babyของบิ๊กแบงเป็นหนึ่งในเพลงเคป๊อปเพลงแรกๆ ที่บุกเข้ามาในอเมริกาวัฒนธรรมและเป็นจุดเด่นในตอน K-pop ของ Glee พร้อมกับGangnam Styleซึ่งเล่นระหว่าง Parade of Nations

เพลงฮิตที่แพร่หลายในปี 2012 ของ Psy นั้นเป็นส่วนหนึ่งของหนังตลกที่ดูไร้สาระและเป็นการเสียดสีตาใสส่วนหนึ่ง ซึ่งสร้างโดยนักดนตรีที่เป็นส่วนหนึ่งของกระแสนักดนตรีชาวเกาหลีใต้ที่เคยเรียนที่โรงเรียนดนตรีอเมริกัน “Gangnam Style” ใช้เวลาห้าปีในการเพิ่มจำนวนการดูบน YouTube มากกว่า 3 พันล้านครั้ง ครองตำแหน่งวิดีโอที่มีคนดูมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของแพลตฟอร์มก่อนที่จะถูกปลดออกจากตำแหน่งในปี 2560ณาการอย่างสมบูรณ์

 

สนับสนุนโดย.  ufabet

คู่รักในจอสู่คู่รักนอกจอ

คู่รักในจอสู่คู่รักนอกจอ สำหรับวงการบันเทิงเกาหลี ถือว่าเป็นวงการที่สร้างสีสันให้ผู้ชมเป็นอย่างมาก ทั้งในเรื่องของความเพลิดเพลินในตัวละคร หนังรวมถึงซีรี่ส์ที่นักแสดงได้แสดงนั้นก็จะมีการเข้าถึงบทบาทอย่างน่าตกใจ ทำให้ผู้ชมนั้นมักจะอินกับตัวละครเป็นอย่างมาก ทำให้เกิดการจับคู่ให้กับนักแสดงหลายๆคน หรือที่ถูกเรียกว่าคู่จิ้นนั่นเอง

ฮยอนบิน-ซนฮเยจิน สำหรับคู่นี้ถือว่าเป็นคู่รักที่ฮือฮาอย่างมาก เพราะพวกเข้านั้นกลับมาเจอกันในการเล่นซีรี่ส์เรื่องล่าสุด ทำให้เขาทั้งคู่นั้นได้สานสัมพันธ์กันหลังจบซีรี่ส์นี้ไป โดยก่อนหน้านั้น เขาทั้งสองเคยเล่นซีรี่ส์ด้วยกันมาแล้วและมีการเข้าร่วมงานที่ต่างฝ่ายต่างไป รวมถึงการให้กำลังใจกันและกันในการออกงานต่างๆ

ถึงแม้จะเป็นคู่ที่แฟนคลับนั้นจิ้นกันอย่างมาก แต่ทั้งสองก็ไม่ได้มีการเปิดเผยว่าคบกันก่อนหน้านี้ เพียงแต่เป็นเพื่อนที่ดีต่อกันเท่านั้น จนกระทั่งโคจรมาพบกันในซีรี่ส์น้ำดีอย่าง Crash Landing on you ด้วยบททำให้แฟนคลับแฟนละครนั้นก็ต่างจิ้นกันอย่างมาก

เพราะถือว่าเป็นคู่ที่เหมาะสมกันอย่างยิ่งและเมื่อซีรี่ส์จบไป ทั้งสองก็ออกมาเปิดเผยว่ากำลังดูใจและเปิดตัวว่าคบกันจริงจนในที่สุดก็เข้าสู่งานวิวาห์ด้วยกัน ผู้คนมากมายต่างก็ร่วมแสดงความยินดีกันอย่างคับคลั่งเพราะเรียกได้ว่าเป็นคู่ที่เหมาะสมเหมือนกิ่งทองใบหยกนั่นเอง

ซงจุงกิ-ซงฮเยคโย ทั้งคู่ได้โคจรมาพบกันในซีรี่ส์ชื่อดังอย่าง ชีวิตเพื่อชาติรักนี้เพื่อเธอหรือ Descendants of the sun เรียกได้ว่าเป็นซีรี่ส์แจ้งเกิดของซงจุงกิเลย

ก็ว่าได้ ด้วยเนื้อหาซีรี่ส์ที่มีความเข้มข้นและสนุกสนาน ทำให้แฟนซีรี่ส์ก็ต่างจิ้นทั้งคู่เช่นกัน และไม่น่าเชื่อว่าทั้งคู่นั้นจะสานความสัมพันธืและแต่งงานกันในช่วงเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งสร้างความฮือฮาให้กับแฟนคลับแฟนละครอย่างมากเนื่องจาก ซงฮเยคโยนั้นเป็นนัแสดงที่มีชื่อเสียงอย่างมากและเคยคบกับนักแสดงในรุ่นเดียวกัน

มาหลายคน ถึงแม้จะดูเหมาะสมกัน แต่เธอก็มาเคยลงเอยจนถึงขั้นแต่งงานกันเลย  gclub ฝากขั้นต่ำ 20   และเมื่อซงจุงกิและซงฮเยคโยนั้นเข้าประตูวิวาห์ ก็ต้องบอกว่ามีความเหมาะสมกันอย่างมาก เพราะทั้งคู่ดูสดใสและน่ารักอย่างมาก ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งคู่รักที่ได้รับความสนใจในช่วงนั้นอย่างมาก

และแม้ว่าในปัจจุบันนี้นั้นทั้งคู่จะได้ทำการอย่างร้างกันไปแล้วก็ตามแต่ทั้งคู่นั้นก็ยังเป็นคู่รักที่ติดตาตรึงใจแฟนคลับตลอดไป เพราะความน่ารักและความเหมาะสมในช่วงเวลาที่รักกัน

อย่างไรก็ตามยังมีคู่รักจากในจอสู่นอกจออีกหลายๆคู่ที่น่าสนใจอละน่าติดตาม ซึ่งคู่รักจาในจอสู่นอกจอนั้นก็เรียกได้ว่าเป็นคู่รักที่เหมาะสมและเป็นคู่รักที่เหมือนกับว่าหลุดออกมาจากซีรี่ส์สู่ชีวิตจริงนั้นเอง 

ฮันรยูวงการเกาหลีกับการเติบโตของเศรษฐกิจ

ฮันรยูวงการเกาหลี ฮันรยูเติบโตอย่างต่อเนื่องและทวีคูณตั้งแต่ปี 2542ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ทางวัฒนธรรมที่สำคัญของวงการบันเทิงเกาหลีใต้ แต่การเติบโตของคลื่นลูกนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติและไม่ได้วางแผนไว้โดยทั้งหมด ซึ่งสิ่งที่ทำให้เกิดสิ่งเหล่านี้ขึ้นได้นั้นคาดว่ามีปัจจัยหลัก 5 ประการที่กล่าวถึงข้างต้น

เป็นตัวกำหนดสภาพแวดล้อมทางวัฒนธรรมของเกาหลีซึ่งนำไปสู่การกำเนิดของกระแสเกาหลีที่โด่งดังและได้รับการยอมรับทั่วโลก ในทำนองเดียวกันการเติบโตและความนิยมอย่างยั่งยืนของคลื่นนี้ได้รับการจัดการอย่างดีจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลักๆทั้งหมดด้วย

ปัจจัยสำคัญที่มีความสำคัญต่อการรักษาความนิยมของฮันรยูและส่งเสริมศักยภาพในการขยายสู่ตลาดอื่นๆนั้นเป็นสิ่งที่จำเป็นและเป้นสิ่งที่วงการนั้นจะต้องมีการพัฒนาและสร้างสรรค์เพื่อให้สิ่งเหล่านี้นั้นสามารถเติบโตได้มากขึ้นและยังคงพัฒนาต่อไปในอนาคตได้

ความนิยมที่เพิ่มขึ้นของแบรนด์เกาหลี แบรนด์เกาหลีกำลังทำสิ่งเดียวกันกับแบรนด์ญี่ปุ่นในขณะนั้นซึ่งแบรนด์ญี่ปุ่นได้มีการทำร่วมกับแบรนด์ของสหรัฐในช่วงปี 1960จนถึง1970 ซึ่งในตอนนั้นซัมซุงและแอลจีเป็นผู้บุกเบิกในการสร้างแบรนด์ระดับโลกในอุตสาหกรรมสินค้าอิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภคของเกาหลีใต้ ในการจัดอันดับประจำปี 2019

ได้มีการจัดอันดับแบรนด์ชั้นนำของโลกซึ่งซัมซุงได้รับการจัดอันดับให้เป็นแบรนด์ที่ 6 ของโลกด้วยมูลค่าของแบรนด์ และแอลจีได้เปลี่ยนจากผู้ผลิตสินค้าราคาถูกมาเป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียง รวมทั้งแบรนด์ฮุนไดและเกียกำลังสร้างการปฏิวัติที่คล้ายคลึงกันในอุตสาหกรรมรถยนต์ด้วยและยังมีบริษัทด้านความงามที่ใหญ่ที่สุดของเกาหลีใต้ ถูกจัดอันดับอยู่ในอันดับที่ 7 ในรายการที่มีชื่อเสียงอย่าง Women Wear’s Daily ของบริษัทด้านความงาม 10 อันดับแรกของโลก

โดยรวมแล้ว การยอมรับแบรนด์เหล่านี้ในตลาดต่างประเทศได้ปรับปรุงการรับรู้โดยรวมของประเทศต้นกำเนิดเกาหลีใต้ โลกค่อยๆ เชื่อมโยงเกาหลีกับซัมซุงและฮุนได แทนที่จะเป็นสงครามเกาหลีความสนใจใหม่นี้ในเกาหลีเป็นตัวขับเคลื่อนที่ยอดเยี่ยมของฮันรยู ความนิยมของแบรนด์ชั้นนำของเกาหลีทั่วโลก

รวมถึงสหรัฐอเมริกาได้เน้นย้ำถึงมิติสำคัญของความสำเร็จของชาวเกาหลี ไม่ว่าจะเป็นคุณภาพที่เหนือกว่า  Gclub royal1688    การออกแบบที่ล้ำสมัยและความรู้สึกร่วมสมัยสำหรับผลิตภัณฑ์และบริการ บทเรียนนี้ได้รับความสนใจจากภาคธุรกิจเกือบทั้งหมด

 การเน้นย้ำครั้งใหม่นี้ทำให้เห็นการลงทุนที่เพิ่มขึ้นในการวิจัยและพัฒนาในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพที่เหนือกว่าผลิตภัณฑ์เพื่อความบันเทิง เช่น ภาพยนตร์ ดนตรี ละคร ล้วนได้รับการอธิบายว่ามีคุณภาพการผลิตที่ยอดเยี่ยม ภาพยนตร์เกาหลีใต้ตอนนี้มีมูลค่าและคุณภาพการผลิตของฮอลลีวูด การมุ่งเน้นที่คุณภาพครั้งใหม่นี้ดึงดูดลูกค้าใหม่ๆ จำนวนมาก และช่วยรักษาความนิยมของภาพยนตร์ เพลง และละคร ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์หลักที่ขับเคลื่อนกระแสเกาหลีและทำให้เกาหลีเป้นที่ยอมรับในวงกว้างมากขึ้น

ห่วงไทยติดเชื้อแบบไม่รู้ตัว พบ1%

โดยข้อมูลที่น่าสนใจจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เพราะว่าก่อนที่จะมีการฉีดวัคซีนบางทีเขาจะมีการตรวจ ห่วงไทยติดเชื้อแบบไม่รู้ตัว  สำหรับผู้ที่ยังไม่ได้ฉีดว่าภูมิของคุณมีหรือไม่อย่างไรการตรวจเพราะเนื่องจากว่าบางนติดเชื้อแล้วไม่รู้ตัว เพราะว่าการที่มีภูมิแบ่งได้สองแบบหนึ่งคือฉีดวัคซีนแบบที่สองคือคุณติดเชื้อแล้วมีภูมิในตัว

แต่ว่าที่ผ่านมาประชากรคนไทยก็เยอะพอเสร็จแล้วบางคนก็อาจจะไม่ได้เข้ามาตรวจอาจจะติดแล้วแต่สุดท้ายหาย พอหายเสร็จก็มีภูมิคุ้มกันทีนี้จากการตรวจก็พบว่าทั้งหมด27,000ตัวอย่างด้วยกันมีผู้ที่มีภูมิโดยที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนอยู่ที่ประมาณร้อยละ1%ด้วยกัน

นายแพทย์ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เปิดเผยถึงการสุ่มตรวจภูมิคุ้มกันโควิด-19คนไทยต่อโรคในภาพรวมว่าจากการสุ่มตรวจตัวอย่าง27,000คนกระจายไปใน12เขตสุขภาพทั่วประเทศโดยเลือดคนที่จะมาฉีดวัคซีนโควิด-19เข็มที่1เพราะว่ายังเป็นกลุ่มที่ยังไม่เคยได้รับวัคซีนมาก่อนเลยและคนที่ไม่เคยรายงานการตรจพบติดเชื้อมาก่อน

ซึ่งได้นำเอามาเจาะเลือดโดยจากที่ประเทศไทยมีรายงานการยืนยันผู้ติดเชื้ออยู่ที่ประมาณ2ล้านคนจากประชากร66ล้านคนหรือว่าคิดเป็นอัตราการติดเชื้อร้อยละ2ผลเบื้องต้นพบว่ามีอีกประมาณร้อยละ1%ที่มีภูมิคุ้มกันเกิดขึ้นโดยที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนแล้วก็ไม่มีรายงานการตรวจติดเชื้อมาก่อนเท่ากับว่าเป็นคนที่ติดเชื้อแบบไม่รู้ตัว

เนื่องจากว่ามีภูมิคุ้มกันเกิดขึ้นได้2แบบอย่างที่ได้บอกกันไปหนึ่งคือติดเชื้อสองคือฉีดวัคซีน โดยข้อมูลรายเขตก็จะแถลงอีกครั้งหนึ่งในวันศุกร์ที่3ธันวาคมนี้เท่ากับว่าประเทศไทยน่าติดเชื้ออยู่ที่ประมาณร้อยละ3นั่นเองอย่างไรก็ตามข้อมูลนี้แสดงว่าประเทศไทยมีกลุ่มคนที่มีภูมิคุ้มกันเกิดขึ้นโดยที่ไม่มีคนมาฉีดวัคซีนและก็ยังไม่มีประวัติติดโควิด-19

ในสัดส่วนที่ไม่มากก็สะท้อนว่าคนที่ติดเชื้อแต่ว่าไม่ได้เข้าสู่ระบบการยืนยันมีไม่มากรวมถึงกลุ่มคนที่มีภูมิคุ้มกันเกิดขึ้นโดยที่ไม่ได้รับวัคซีนก็มีไม่มากเช่นกันดังนั้นประเทศไทยจำเป็นที่จะต้องเร่งฉีดวัคซีนในกลุ่มคนที่ยังไม่เคยได้ฉีดวัคซีนแล้วไม่มีประวัติรายงานติดเชื้อมาก่อนด้วย

ส่วนการเฝ้าระวังสายพันธุ์โควิด-19ในประเทศไทยตั้งแต่วันที่1เมษายน จนถึงวันที่26พฤศจิกายน64จากการสุ่มตรวจผู้ติดเชื้อ43,918คนพบว่าเป็นสายพันธุ์เดลต้า28,705คนสายพันธุ์อัลฟา14,523คนและสายพันธ์เบต้า690คนโดยในช่วงเวลาระหว่างวันที่30ตุลาคมจนถึง26พฤศจิกายนที่เป็นช่วงของการเปิดประเทศพบว่าส่วนใหญ่เป็นสายพันธุ์เดลต้า

 

สนับสนุนโดย.    ufabet

นูซันตารา เมืองใหม่ของอินโดนีเซีย

นูซันตารา เมืองใหม่ สำหรับเหตุผลที่เลือกเมืองหลวงแห่งนี้ให้เป็นเมืองหลวงแห่งใหม่ซึ่งมีพื้นที่กว้างขวางไม่แออัดเลยแล้วมีการวางแผนด้วยว่าจะให้เมืองหลวงแห่งนี้มีความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น 

ความที่เมืองแห่งนี้มีพื้นที่สีเขียวมากจะทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนที่บอกว่ามันจะดีขึ้นมากๆแต่ตรงนี้มันก็เป็นดาบสองคมผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อมก็ออกมาเตือนว่าจะมีผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมของจังหวัดกาลิมันตันตะวันออกตรงนี้ด้วยและจะเป็นการทำลายป่าฝน 

ซึ่งเป็นบ้านของอุรังอุตังเป็นบ้านของหมีแล้วก็เจ้าลิงจมูกยาว โดยถือว่าเป็นสัตว์ที่สำคัญประจำถิ่นอีกด้วยอาจจะไปทำลายรุกรานบ้านของพวกเขาเมืองแห่งนี้ไม่มีแนวโน้มที่จะทรุดตัวเร็วเท่ากับกรุงจาการ์ตา 

โดยจะมีการย้ายการบริหารศูนย์กลางการบริหารของรัฐบาลมาไว้ที่นูซันตาราแห่งนี้ด้วยรวมถึงจะมีการเคลื่อนย้ายประชาชนบางส่วนมาไว้ที่นี่ด้วยเพื่อลดการแออัดของกรุงจาการ์ตาและในพื้นที่จังหวัดของเกาะชวานั่นเอง 

ดังนั้นแล้วถามว่าจะเริ่มต้นสร้างเมื่อไหร่ดำริของประธานาธิบดีต้องการที่จะสร้างมาตั้งแต่ปี 2019 แล้ว ที่จริงแล้วก่อนหน้านี้อดีตประธานาธิบดีอินโดนีเซียได้พูดมาหลายคนแล้วในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมาว่ามันต้องทำไม่งั้นจาการ์ตามีความเสี่ยงที่จะจมน้ำเหลือเกินพูดมาตั้งแต่ปี 2019 

ปรากฏว่าได้รับผลกระทบจากไวรัส covid-19 ก็เลยต้องระงับแผนการเอาไว้ก่อนแต่พอรัฐสภาได้ประกาศอนุมัติการสร้างเมืองหลวงแห่งใหม่นี้ก็เดี๋ยวประมาณปี 2024 อีกไม่เกิน 2 ปีข้างหน้าก็จะเริ่มการก่อสร้างแล้ววงเงินในการก่อสร้างครั้งนี้อยู่ที่ประมาณ 466 ล้านล้านรูเปียห์แปลเป็นเงินไทยก็ประมาณ 1 ล้านล้านบาทยังไม่ได้มีการประกาศกำหนดแล้วเสร็จแต่อย่างใด

ซึ่งอย่างที่บอกกันว่านูซันตาราจะเป็นชื่อของที่แปลว่าหมู่เกาะเป็นภาษาท้องถิ่นของประเทศอินโดนีเซียที่ได้ทำการคัดเลือกมาจาก 80 รายชื่อที่เข้ารอบโดยประธานาธิบดีก็เห็นชอบชื่อนี้มันได้บ่งบอกถึงความเป็นอินโดนีเซียที่ค่อนข้างดีเลยทีเดียวและประชาชนเองก็ได้เห็นชอบเรื่องนี้ด้วย 

โดยมีความเป็นสากลมันมีความเรียบง่ายแล้วก็ได้สะท้อนถึงความเป็นอินโดนีเซียได้เป็นอย่างมาก อินโดนีเซียจริงๆแล้วก็ไม่ใช่ประเทศแรกที่ได้มีการย้ายเมืองหลวงหากย้อนกลับไปก่อนหน้านี้อยู่ที่อาเซียนกันทั้งนั้นเลยเมียนมาร์ก็ได้มีการย้ายไป 

ซึ่งย้ายจากนครย่างกุ้งไปที่กรุงเนปิดอว์ก็คือเป็นศูนย์กลางการบริหารประเทศย้ายไปที่กรุงเนปิดอว์ตั้งแต่ปี 2006 ส่วนมาเลเซียเองก็เหมือนกันมีการย้ายศูนย์กลางทางราชการส่วนกลางจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ที่ค่อนข้างจะแออัดเหมือนกันไปอยู่ที่พุทธคยาที่อยู่ห่างออกไปไม่เกิน 10 กิโลเมตรเท่านั้นเมื่อปี 2003 

แต่ว่าเมืองใหม่ของอินโดนีเซียเมืองหลวงแห่งใหม่ของประเทศอินโดนีเซียเมืองนูซันตาราก็จะอยู่จากห่างกรุงจาการ์ตาจะอยู่ห่างออกไปประมาณ 20 กิโลเมตรเลยทีเดียว

 

สนับสนุนโดย.    gclub

พฤติกรรมที่บ่งบอกว่าคุณติดโซเชียลมากเกินไป 

คุณติดโซเชียลมากเกินไป 

ในสมัยปัจจุบันนี้เราปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการใช้โซเชียลมีเดียนั้นมีความสำคัญและจำเป็นต่อการใช้ชีวิตของเราเป็นอย่างมาก คุณติดโซเชียลมากเกินไป  ซึ่งแน่นอนว่าในสมัยนี้ไม่มีใครที่ไม่รู้จักการใช้โซเชียลกันอย่างแน่นอน อย่างที่เราทราบกันดีว่ามันจำเป็นและมีความสำคัญต่อการใช้ชีวิตในประจำวันเราเป็นอย่างมาก เรียกได้ว่าเป็นความสะดวกสบายให้กับเราเลยก็ว่าได้

เพราะสามารถช่วยในเรื่องของการสื่อสาร ศึกษาค้นคว้าหาข้อมูลต่าง ๆ รวมไปถึงการใช้ประโยชน์ในด้านอื่น ๆ ได้อีกด้วย แต่อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าโซเชียลมีเดียจะมีความสำคัญลำจำเป็นต่อการใช้ชีวิตของเรามากแค่ไหนก็ตาม หากเราเล่นมากเกินไป ก็อาจส่งผลเสียต่อเราได้เล่นกัน เพราะถ้ามีข้อดีก็ย่อมมีข้อเสีย

ดังนั้น เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเราติดการเล่นโซเชียลมากเกินไป วันนี้เรามีคำตอบค่ะ ซึ่งเราจะพาทุกคนไปรู้จักกับพฤติกรรมที่สามารถบ่งบอกได้ว่าเราติดโซเชียลแล้วหรือยัง จะมีพฤติกรรมไหนกันบ้างไปดูกันเลย  

รู้กสึกกระสับกระส่าย แน่นอนว่าเมื่อร่างกายของเราได้ขาดอะไรไปสักอย่างหนึ่ง ซึ่งเป็นสิ่งที่เราคุ้นเคยหรือมักที่จะทำเป็นประจำ เมื่อไม่ได้ทำมันแล้วเราก็อาจจะมีอาการกระสับกระส่าย หรืออาจมีอาการอึดอัด ยิ่งถ้าเราไม่มีสามารถเปิดดูมันได้อาจการเหล่านี้ก็อาจรุนแรงขึ้นได้ แต่พอเราได้เปิดดูมันแล้วเราก็อาจจะรู้สึกสบายใจขึ้นได้นั่นเอง 

คอยหมั่นเช็คตลอดเวลา อาการเสพติดโซเชียลเป็นอาการที่อันตรายเป็นอย่างมากอาการหนึ่ง เพราะจะไม่เพียงส่งผลเสียต่อร่างกาย แต่ยังอาจส่งผลเสียต่อการใช้ชีวิตของเราได้อีกด้วย ซึ่งแน่นอนว่าอาการที่บ่งบอกได้ว่าคุณติดโซเชียลแล้วหรือยังนั้น

คุณจะมีอาการ. หรือมีพฤติกรรมที่หมั่นคอยเช็คมือถืออยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะทำอะไรก็จะคอยเช็ค เดินไปไหนก็เช็ค กินข้าวก็เช็ค ตอนทำงานก็เช็ค หรือแม้แต่การทำกิจกรรมอื่น ๆ เองก็ตามคุณก็มักที่จะเช็คมือถือเพื่อดูความเคลื่อนไหวของโลกโซเชียลนั่นเอง 

ตอนตื่นนอจะหยิบมือถือเป็นอันดับแรก พฤติกรรมนี้ไม่ว่าใครก็เป็นกันทั้งนั้น แต่ก็มีคนส่วนน้อยเท่านั้นที่ไม่ทำ ซึ่งพฤติกรรมนี้สามาถบ่งบอกได้ว่าคุณกำลังเสพติการเล่นโซเชียลมากเกินไป เพราะแม้กระทั่งตื่นนอนในตอนเช้าแทนที่คุณจะไปทำกิจกรรมอื่น ๆ ให้เสร็จก่อน แต่คุณกลับเลือกที่จะเล่นมือถือก่อนที่จะไปทำกิจกรรมอื่น ๆ หรือสำหรับบางคนอาจเลือกที่จะไม่ลุกออกจากเตียงนอนเพียงเพื่อที่จะเล่นมือถือนั่นเอง 

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย.  ufabet เว็บตรง

วัดจุฬามณีน้ำท่วม โบสถ์เก่าแก่จมน้ำเสียหาย

ภาพเขียนฝาผนังพระประธานโบราณภายในโบสถ์วัดจุฬามณี ตำบลบ้านกุ่ม อำเภอบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา สถาปัตยกรรมที่เก่าแก่กว่า200ปี

ถูกปล่อยให้แช่อยู่ในน้ำที่ท่วมสุงกว่า1เมตร50เซนติเมตรเพราะไม่สามารถยกหรือเคลื่อนย้ายหนีน้ำได้ถึงจะมีความเสี่ยงก่อให้เกิดความเสียหายน้ำกัดเซาะทำให้ภาพสีเลอะเลือนก็จำต้องทิ้งเอาไว้แบบนั้นก่อน

ซึ่งพระครูปัญญาจุฬารักษ์เจ้าอาวาสวัดได้กล่าวอีกว่าทั้งวัดนั้นถูกน้ำท่วมไปหมดของที่พอจะเคลื่อนย้ายได้ก็ขนขึ้นไปไว้บนที่สูงส่วนของที่มีน้ำหนักเยอะเคลื่อย้ายลำบากก็ต้องปล่อยเอาไว้เช่นพระประธานที่อยู่ในโบสถ์และพระรองประธานนั้นน้ำได้ท่วมขึ้นมาจนถึงเอล

ทั้งนี้ยังประเมิลมูลค่าความเสียหายไม่ได้แต่ทว่าในโบสถ์เสียหายหนักมีสภาพทรุดโทรมมาก

เนื่องจากฝาผนังและรอบๆบริเวณโบสถ์ที่เป็นฐานอยู่ถูกน้ำท่วมเกือบทั้งปีและเป็นโบสถ์ที่เก่าแก่200กว่าปีเสียหายแน่นอนแล้วก็ในส่วนของตรงนี้ทางกรมศิลก็ได้เข้ามาดูแลในเรื่องจัดเตรียมงบประมาณช่วยเหลือในการซ่อมแซมอยู่แล้ว

แต่ว่าจะได้ไวมากน้อยแค่ไหนยังไม่รู้ทั้งนี้ยังประเมิลไม่ได้แต่ก็เสียหายแน่นอนตอนนี้การป้องกันหรือการระบายน้ำออกจากเขตวัดทำไม่ได้แล้วถึงจะนำเอากระสอบทราบไปวางจุดที่กำแพงพังถล่มลงมาพร้อมกับเสริมดินกั้นรอบนอกอีกชั้นก็สกัดน้ำเอาไว้ไม่อยู่

เพราะมวลน้ำมีมากเกินที่จะต้านทางเดียวคือรอให้สถานการณืคลีคลายหรือน้ำลดไปเองจึงจะเข้าสู่แผนกู้คืนจุดที่กำแพงน้ำท่วมแตกจนทำสถาปัตยกรรมเสียายอยู่บริเวณด้านหลังวัดตัวกำแพงมีสภาพเก่าเพราะเป็นกำแพงที่ทำหน้าที่หลักป้องกันน้ำท่วมมามากกว่า20ปีจนปีนี้เริ่มหมดวาระทำให้พังทลายลง

ซึ่งและดันและกระแสน้ำที่ไหลแรงเปิดทางน้ำไหลเข้าวัดความยาวไม่ต่ำกว่า30เมตร โดย ประจวบ โชคชัยเจริญสิน ได้กล่าวว่าจุดที่น้ำเข้าจะอยู่ด้านหลังเป็นกำแพงรอบวัดนอกกำแพงจะมีคันดินแต่จังหวะน้ำที่มันล้นขึ้นมามันก็ข้ามกำแพงแล้วน้ำก็ข้ามคันดินมาและมีแรงอัดของน้ำที่ข้ามคันดินมาก็เลยทำให้กำแพงล้มลงมาทั้งหมดเลย

นอกจากนี้ความกว่างของกำแพงที่พังลงมาประมาณ20กว่าเมตรวัดจุฬามณีตำบลบ้านกุ่มอำเภอบางบาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยาเป็นศาสนสถานที่ยึดเหนี่ยวจิตใจกว่า9ชุมชนยิ่งไปกว่านั้นมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ทางบ้านเกิดของนายขนมต้มคุณมวยไทยที่โด่งดังสมัยกรุงศรีอยุธยาและทุกปีจะมีการจัดงานประเพณีแข่งขันเรือยาวพร้อมทอดกฐินสามัคคีของชาวบ้าน

 

สนับสนุนโดย.  ufabet เว็บไหนแตกดี

แอฟริกาเตือนธารน้ำแข้งละลายลงมากขึ้นทุกปี

ซึ่งหากดูแล้วแอฟริกามีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อยกว่าร้อยละ4แล้วก็คาดว่าจะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงกับการเปลี่ยนสภาพอากาศนั้นแล้วก็เกิดขึ้นนานแล้วพื้นที่เพาะปลูกก็แห้งแร้งอยู่แล้วและก็มีเรื่องของภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นในพื้นที่

ในช่วงหลายๆปีที่ผ่านมาก็เห็นความรุนแรงทวีคูณขึ้นอย่างรุนแรงยังไม่รวมถึงมีเรื่องของตั๊กแตนที่เข้าไปทำลายพื้นที่การเกษรตที่เรียกว่าเป็นหายนะอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน ถ้าหากแอฟริกาอย่างหลีกเลี่ยงผลกระทบที่เกิดขึ้นก็จะต้องใช้งบประมาณ 3-5หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐหรือว่าเป็นประมาณ1.6ล้านล้านบาทคิดเป็นGDPประมาณร้อยละ2-3ของพื้นที่ก็จะเป็นการปรับตัวให้อยู่รอดจากภัยธรรมชาติ

แต่เมื่อดูมูลค่าทางเศรษฐกิจใน1-2ปีที่แล้วพบว่าถ้าดูมูลค่าทางเศรษฐกิจทังโลกจะอยี่ประมาณ2,618ล้านลานบาท ซึ่งทวีปแอฟริกามีมูลค่าทางเศรษฐกิจคิดเป็นประมาณ73ล้านล้านบาทที่ต่ำกว่าเอเชีย13เท่าด้วยกันมูลค่าทางเศรษฐกิจของเอเชียมากที่สุด942ล้านล้านบาท

ถือว่าตรงนี้ก็เห็นคุณภาพชีวิตของคนที่อยู่ในพื้นที่แอฟริกาแล้วก็รายได้เฉลี่ยต่อหัวต่อปีอยู่ที่ประมาณ57,900บาทเท่านั้นก็ถือว่าน้อยกว่าทวีปอื่นๆที่เกิดขึ้นทั่วโลกตอนนี้ก็ถือว่ามันมีอุปสรรค์หลายๆอย่างที่หลายๆฝ่ายมีความกังวลว่าแอฟริกาจะสามารถที่จะรับมือกับสถานการณืภัยธรรมชาติสุดขั้วที่เกิดขึ้นได้มากน้อยขนาดไหน

เพราะว่าอุปสรรค์อย่างหนึ่งก็คือทวีปนี้เป็นทวีปที่มีขนาดใหญ่แต่ก็มีทะเลทรายซฮาล่าที่เป็นทะเลทรายขนาดใหญ่แล้วก็มีบางพื้นที่ที่เป็นป่าดิบชื้นตรงนี้ก็จะเป็นปัญหาด้านคมนาคมส่วนปัญหาในพื้นที่เองก็มีเรื่องของปัญหาการศึกษาปัญหาเรื่องของการคอรับชั่นที่เกิดขึ้นในพื้นที่ด้วย

รวมไปถึงปัญหาการที่มีผู้คนมีการศึกษาที่อาจจะด้อยคุณภาพรวมไปถึงเรื่องของโรคระบาดที่ก่อนน่านี้จะเห็นอีโบล่าระบาดในช่วงของปี2556ถึง2559เหล่านี้จะเป็นอุปสรรคในการพัฒนาพื้นที่ในทวีปแอฟริกายังไม่รวมปัญหาต่างๆที่มันมีความไม่สงบเกิดขึ้นอีก

ดังนั้นเมื่อมันมีปัญหาองค์รวมแบบนี้ปัจจัยสำคัญที่จะทำให้แอฟริกาจัดการกับปัญหาที่เพิ่มเข้ามาอีกและจะมีศักยภาพในการจัดการได้มากน้อยแค่ไหนในขณะเดียวกันช่วงที่ผ่านมาก็เห็นเรื่องของข่าวธารน้ำแข็งที่เกิดการถล่มในช่วงต้นปีที่ผ่านมา

สำหรับที่อินเดียเรียกได้ว่าโศกนาฏกรรมเลยครั้งนั้นก็ได้มีคำถามเกิดขึ้นว่าทำไมธารน้ำแข็งถึงเกิดมีการละลายเกิดขึ้นมา ซึ่งจากข้อมูลของดาวเทียมี่มีการพูดถึงเมื่อเร็วๆนี้ก็พบว่าอัตราการละลายประจำปีของธารน้ำแข็งที่เขามีการศึกษาระหว่างปี2558ถึง2562อยู่ที่78พันล้านตันต่อปี

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย.    gclub royal1688 ฟรีเครดิต

พายุดีเปรสชันขึ้นฝั่งเวียดนามเตรียมรับมือ

สำหรับตลอดสัปดาห์นี้ต้องติดตามเรื่องของสภาพอากาศแล้วก็พยากรอากาศด้วย พายุดีเปรสชัน เพราะว่าในหลายพื้นที่จะมีฝนตกลงมาอย่างหนักถึงหนักมากอย่างล่าสุดนี้กรมอุตุนิยมวิทยาก็บอกแล้ว

ว่าไทยเราอาจจะเจอพายุอีกลูกหนึ่งเจ้าพายุลูกนี้มันอยู่ที่ทะเลจีนใต้และคลาดว่ามันจะเคลื่อนขึ้นฝั่งเวียดนามในวันที่10-11ตุลาคม64นี้แล้วจะส่งผลกระทบให้ไทยเรามีฝนตกหนักถึงหนักมา

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ภาคใต้กรมอุตุนิยมวิทยาได้ออกมาประกาศเตือนพายุชื่อว่า ดีเปรสชั่น ที่บริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลางแล้ว

ก็จะมีความเร็วลมสูงมากที่สุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ55กิโลเมตรต่อชั่วโมงคลาดว่าเจ้าพายุลูกนี้มันจะเคลื่อนเข้ามายังที่ประเทศเวียดนามก็คือขึ้นฝั่งเวียดนามตอนบนในช่วงวันที่10-11กรกฎาคมนี้

ประกอบกับว่าในวันที่7ถึง11ตุลาคมไทยเรามีมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคุมทะเลอันดามันและอ่าวไทยลักษณะเช่นนี้เองทำให้ประเทศไทยของนั้นมีฝนตกลงมาอย่างหนักในพื้นที่ภาคกลางภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างภาคตะวันออกและภาคใต้

โดยจะมีฝนตกลงมาหนักมากในพื้นที่บางแห่งและพื้นที่ภาคใต้ทางฝั่งตะวันตกนอกจากนี้ยังทำให้คลื่นลมทะเลอันดามัน

และอ่าวไทยตอนบนมีกำลังแรงขึ้นด้วยทะเลอันดามันขึ้นสูง2-3เมตรส่วนอ่าวไทยขึ้นสูงประมาณ2เมตรและบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นก็จะสูงมากกว่า3เมตร

ได้ยินแบบนี้แล้วชาวเรือหรือชาวประมงจะต้องเดินเรือด้วยความระมัดระวังเรือเล็กช่วงนี้ให้งดออกจากฝั่งไปก่อนเลยแล้วก็ขอให้ประชาชนนั้นติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิดพยากรอากาศ

วันนี้ทางด้านกรมอุตุนิยมวิทยาบอกว่าตั้งแต่6โมงเช้าวันนี้ยาวไปจนถึง6โมงเช้าของวันพรุ่งนี้ภาคใต้ทางฝั่งอันดามันมีฝนตกหนักถึงหนักมากในบางแห่ง

พื้นที่จังหวัดระนองพังงาภูเก็ตกระบี่ตรังและสตุลส่วนทางภาคใต้ของฝั่งอ่าวไทยจะมีฝนร้อยละ60ของพื้นที่ขณะที่จังหวัดในภาคกลางนั้นยังมีฝนอยู่ประมาณร้อยละ70ของพื้นที่ก็ถือว่ายังเยอะอยู่ส่วนกรุงเทพมหานครรวมไปถึงปริมณฑลและทางภาคตะวันออกก็จะมีฝนร้อยละ60ของพื้นที่

สำหรับทางภาคเหนือภาคตะวันออกฉียงเหนือจะมีฝนตกน้อยลงมาบ้างประมาณร้อยละ40ของพื้นที่แต่อย่างไรก็ตามในทุกๆพื้นที่ในแต่ละจังหวัดยังไงก็ขอให้เฝ้าระวังเรื่องของน้ำหลาก

และน้ำท่วมในพื้นที่บริเวณหมู่บ้านที่พักอาศัยอยู่ที่บริเวณริมแม่น้ำหรือพื้นที่ทะเลให้ระมัดระวังกันให้มากที่สุดและติดตามสถานการณ์พยากรอากาเอาไว้เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายและสุ่มเสี่ยงต่อพี่น้องประชาชนที่อาจจะได้รับความเดือดร้อนจากพายุลูกนี้

 

สนับสนุนโดย.  www.ufabet.com ลิ้งเข้าระบบ

คิมจองอิน ต้องการรื้อฟื้นสายด่วนกับเกาหลีใต้

คิมจองอิน ต้องการรื้อฟื้น เนื่องจากนี้เรามาเริ่มต้นที่คาบสมุทรเกาหลีหลังจากที่เกาหลีเหนือมีการยิงทดสอบขีปนาวุธไป3รอบในช่วงเวลาไม่กี่สัปดาห์ปรากฏว่ามีสัญญาณที่ค่อนข้างที่จะแปลกจากผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือก้คือ คิมจองอึน นั่นเอง ที่อกว่าต้องการรื้อฟื้น hotline สายด่วนจากเกาหลีใต้ที่มีการยกเลิกไปในช่วงเวลาหนึ่ง

ในขณะเดียวกันมีการขยับตำแหน่งของคิมโยจองที่เป็นน้องสาวของคิมจองอึนด้วยและเธอนั้นก็จะมีอำนาจมากขึ้นไปกว่าเดิมอีกด้วยโดยสื่อกระบอกเสียงของเกาหลีเหนือรายงานวันนี้ว่า นายคิมจองอึนผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือแถลงต่อที่ประชุมประชาชนว่าตนนั้นต้องการที่จะรื้อฟื้น hotline สายด่วน

เพื่อเป็นการติดต่อกันอีกครั้งระหว่างทั้งสองเกาหลีในเดือนตุลาคมนี้ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งในการตระหนักถึงความหวังของประชาชนที่อยากจะเห็นความสัมพันธ์ที่มันดีขึ้นและระหว่างสันติภาพที่ยั้งยืนระหว่างทั้งสองเกาหลีทั้งนี้เกาหลีเหนือได้ตัดเครือข่ายจากเกาหลีใต้ไปช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาไม่กี่วันหลังจากที่ได้กลับมาเปิดใช้เป็นครั้งแรก

ในรอบ1ปีท่ามกลางความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดของทั้งสองฝ่ายนอกจากนี้ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือยังได้บอกอีกว่าภัยคุกคามทางด้านทหารและนโยบายในการเป็นศัตรูของสหรัฐจะยังคงไม่เปลี่ยนแปลงภายใต้รัฐบาลชุดใหม่ของสหรัฐโดยรัฐบาลสหรัฐได้ออกมาแถลงว่าพยายามที่จะโน้มน้าวรัฐบาลเปียงยางให้เดินหน้าสู่การเจรจา

ซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อล้มเลิกโครงการนิวเคลียร์และขีปนาวุธของเกาหลีเหนือแลกกับการผ่อนปรนมาตรการคว่ำบารตจากสหรัฐ โดยนายคิมจองอึนยังบอกอีกว่าข้อเสนอที่สหรัฐได้บอกว่าให้กลับมาเจรจากันนั้นเป็นเพียงการปิดบังนโยบายการเป็นศัตรูที่ใช้กันมาอย่างยาวนานของสหรัฐเท่านั้น

แต่อย่างไรก็ตามการที่นายคิมจองอึนได้เสนอว่าน่าจะกลับมาใช้ hotline สายด่วนกันได้แล้วมันมีนัยสำคัญอะไรทำไมถึงได้ทำแบบนี้สำนักข่าวได้วิเคราะห์ว่ามีหลายเหตุผลด้วยกันอย่างแรกก็คือภาวะปฏิปักษ์ตอนนี้ค่อนข้างที่จะลดลงเพราะว่าการซ่อมรบร่วมกันระหว่างสหรัฐและเกาหลีใต้ประจำปีก็จบลงไปแล้วทำให้ช่วงเวลาของการห้ำหั่นกันก็สินสุดลงไปด้วย

อย่างที่สองก็คือ ประธานาธิบดี มุนแจอิน  ของเกาหลีใต้พยายามที่จะเปิดประตูเจรจาให้เพราะว่าเขาไปประกาสให้ที่ประชุมใหญ่สหประชาชาติเรียกร้องให้ทั้งสองเกาหลีหาลืออย่างเป็นทางการเพื่อยุติสงครามเกาหลีและก้ถือว่าเป็นจังหวะที่ดีที่เกาหลีเหนือจะได้กลับสู่เส้นทาง ทางการทูต

นอกจากนี้เศรษฐกิจของเกาหลีเหนือเองตอนนี้อยู่ในภาวะที่เลวร้ายนายคิมจองอินต้องการให้มีการผ่อนคลายการคว่ำบารตและตอนที่เข้าไปเจรจากับอดีตโดนัลด์ ทรัมป์ที่กรุงฮานอยประเทศเวียดนามตอนนั้นก็หวังว่าน่าจะได้รับการผ่อนคลายการคว่ำบารตแต่การเจรจาล้มเหลวไม่เป็นท่า

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย.  ufabet ฝาก-ถอน เอง